คนใช้คอมส่วนใหญ่ทำผิด ศีล 5 โดยไม่รู้ตัว
เชื่อผมเถอะครับ สำหรับชาวไทยพุทธแล้ว (แต่เนื้อหานี้ เขียนให้คนทุกศาสนาอ่านได้นะครับ ขอให้ลองอ่านดูก่อนครับ) เราได้เรียนรู้ศีล 5 กันมาตั้งแต่ยังเด็กแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในวิชา พระพุทธศาสนาเองก็ดี หรือว่า การเข้าวัดฟังธรรมก็ดี หรือว่าจากที่ต่างๆก็ดี แต่ว่ามีคนไม่เยอะหรอกครับ ที่สามารถรักษาศีล 5 ได้อย่างดี ไม่มีด่างพล้อย ด้วยความรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี เราก็ต่างทำผิดกันมาบ้าง
หลายคนสงสัย ว่าแค่ ศีล 5 ข้อเท่านั้น ทำไมคนส่วนใหญ่จึงรักษาไม่ได้ อันนี้ก็ว่าด้วยเรื่องของกิเสศครับ คือ ความอยากต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อยากเห็น อยากเป็น อยากมี อยากได้ ทุกอย่างเลยที่เกิดมาจากความอยาก ล้วนทำให้เราทำผิดศีลกันได้ทั้งนั้น
แต่คราวนี้ ผมก็จะไม่ได้มาสอนธรรมมะ ศีล 5 กันหรอกครับ แต่จะมาเตือนสติกันมากกว่า เพราะว่า คนที่ใช้คอมพิวเตอร์นั้น มักจะทำผิดศีลโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวเลย (หรือบางคนรู้แต่ยังทำ?)
เรื่องของเรื่องก็คือ พระธรรมคำสั่งสอนนั้นเกิดมานานมากแล้ว ตั้งแต่โลกเรายังไม่มีอุปกรณ์ electronic ใดๆเลย แน่นอน ว่าคำว่า โปรแกรม หรือ software ก็ยังไม่ถือกำเนิดมาหรอกครับ ดังนั้นคำสั่งสอน ไม่ได้ว่ามาถึงเรื่องในปัจจุบันและอนาคตเลย แต่หากว่ายังครอบคลุมเรื่องการกระทำอยู่ แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปก็ตาม
ศึลข้อที่สอง เป็นข้อที่คนใช้คอมพิวเตอร์ มักจะทำผิด มากที่สุด เพราะว่าศีลข้อที่ 2 ก็คือ พึงละเว้นจากการลักขโมย เรื่องนี้ถ้าเราเอามาตีความก็คือ การไปเอาของ ของคนอื่นที่เค้าไม่ยินดี หรือ ยินยอมที่จะให้ เราก็ผิดศีลแล้ว เพราะว่านั่นก็ไม่ต่างจากการลักทรัพย์เลย ทีนี้ ในโลกของ computer แน่นอนว่ามี hardware ก็คือ อุปกรณ์ และ software ก็คือโปรแกรมที่ทำงานต่างๆ ตามที่เจ้าของเค้าได้เขียนเอาไว้ และคอมพิวเตอร์ ก็ต้องใช้ program ในการทำงาน เริ่มตั้งแต่ Windows เลย ที่มีเจ้าของคือ บริษัท Microsoft เค้าสร้างขึ้นมาเพื่อให้คอมพิวเตอร์มันฉลาด และใช้งานได้ง่าย หากใครไม่ต้องการ เสียเงินเพื่อซื้อ Windows มาใช้ ก็สามารถ ใช้ Linux ได้ทดแทน แต่ว่า จะใช้งานได้ยากกว่า แต่ก็ฟรี
เริ่มตั้งแต่ Windows เลย สำหรับใครที่ใช้ Windows จากแผ่น ราคา 150 บาทหรือว่า Windows ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ที่มาจากร้าน โดยที่ไม่มี Key มาให้ (ไม่ใช่แบบ OEM) นั่นก็คือ ท่านกำลังลักทรัพย์บริษัท Microsoft อยู่นั่นเอง เพราะว่าเค้าขาย Program แต่ว่าเราไม่ได้ซื้อมาใช้ หรือไม่ได้ใช้แบบที่ถูกต้อง ก็เป็นการเอามาโดยที่บริษัทเค้าไม่ได้ยินยอมอยู่แล้ว แต่เท่านั้นยังไม่พอ สำหรับใครที่ฟังเพลง MP3 โดยที่ได้ไฟล์มาโดยการ Download ตาม internet นั่นก็เหมือนกัน ล่าสุด บริษัท Grammy ออกมาประกาศห้ามเอาผลงาน ของบริษัท ไปเผยแพร่ใน youtube นั่นเป็นเพราะว่าคนเหล่านั้นกำลังละเมิดลิขสิทธิ์ ของบริษัท หรือกำลังขโมยผลงานของบริษัทไปนั่นเอง เพราะเค้าไม่ยินยอม รวมไปถึง การ download ภาพยนตร์มาดูด้วย ก็ผิดเช่นกัน (เว้นภาพยนตร์ที่สร้างเพื่อการศึกษา หรือยินยอมให้เผยแพร่) หรือว่าการ copy ต่อๆกันมาเป็นทอดๆ เพราะว่าเรื่องเหล่านี้ทำได้ง่ายมากในระบบ computer ทึ่ทุกคนกำลังใช้งานอยู่แต่ทำให้เราผิดศีลได้ง่ายด้วยเช่นกัน
บางคนอาจจะปลอบใจตัวเองว่า บริษัทเหล่านี้ใหญ่โตมีเงินมหาศาล เราใช้เครื่องเดียวบริษัทเค้าไม่ขาดทุนหรอก หรือบางคนบอกว่า ละเมิดมาก็ไม่ได้หาผลประโยชน์ให้ส่วนตน แต่ทำเพื่อส่วนรวม ให้เราลอง คิดมุมกลับกันครับ ว่าถ้าหากเรา เป็นคนที่สร้างผลงานอะไรขึ้นมาใหม่สักชิ้นหนึ่ง แล้วเราภูมิใจกับมันมาก และเราสามารถหาเงินจากสิ่งเหล่านั้นได้ แต่สุดท้ายถูก copy ไปโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตจากทางเรา และเราไม่ได้เงินจากการ copy ไปนั่นเลย เราจะรู้สึกอย่างไรครับ
การทำผิดศีล ข้อนี้ ผลกระทบที่ได้รับก็คือ ทำมาค้าขายไม่ขึ้น ไม่ร่ำรวยเงินทอง ได้มาก็หมดเร็ว เก็บไม่อยู่ มีเหตุให้เสียทรัพย์ มีคนมาลักของเราไป หรือว่าเป็นคนที่ชอบลืมของทิ้งขว้าง ของหายเป็นประจำ หาเงินได้ยาก การเงินฝืดเคือง สูญเสียสิ่งที่รัก เป็นต้นครับ
เรื่องนี้เราแก้ไขได้ไม่ยากเลยครับ ก็คือ หันมาใช้ของลิขสิทธิ์ครับ เพราะว่าทุกอย่างล้วนมีต้นทุน ไม่ว่าจะเป็น Windows ที่เราใช้งานก็มีต้นทุน เพราะเค้าต้องใช้ วิศวกร ในการสร้างมันขึ้นมา กว่าจะสร้างเสร็จ ก็หมดมันสมอง หลายสิบคน เป็นเวลาปีๆ ในแต่ละ version เมื่อเสร็จขั้นนั้นแล้ว ยังไม่จบ ก็ต้องผลิต ก็มีต้นทุน ก็ต้องจัดจำหน่าย ก็มีต้นทุน ก็ต้องบริการหลังการขาย ล้วนแต่มีต้นทุน เราจะมองว่า เค้าเสียเวลาแค่ทำเสร็จ แล้วขาย ไม่เท่าไรหรอก นั่นไม่ได้ เพลง เกม หนัง ทุกอย่างครับ มีต้นทุนทั้งนั้น แล้วเราเอามาฟรีๆ นั่นก็ไม่ถูกครับ
วันนี้ ท่านลองได้สำรวจเครื่อง computer ของท่านเองหรือยัง ว่ามีโปรแกรมมากเท่าไร เพลงแค่ไหน หนังเท่าไร ที่ได้มาโดยไม่ได้ซื้อมาอย่างถูกต้อง
แน่นอนครับ ทุกคนที่อ่านเรื่องนึ้ จะย้อนคำามนี้กลับมาหาผมทันที แล้วผมล่ะ ทำถูกหรือยัง ก่อนจะมาบอกคนอื่น?
ผมก็พูดตรงๆเช่นกัน เพื่อไม่ให้ผิดศีลข้อ 4 ที่ว่าด้วยการ ไม่พูดเท็จ ว่าผมเอง ยังมีเพลง หนัง เกม โปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์ ครับ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมทยอยทำในสิ่งที่ถูกต้องมาเรื่อยๆ ไม่ได้พลิกดำเป็นขาวในข้ามคืน ปัจจุบัน computer ที่ผมใช้ทุกเครื่อง ใช้ Windows 7 และ Microsoft Office ลิขสิทธิ์ถูกต้องทุกเครื่อง และเครื่องหลักที่ผมใช้งานตอนนี้ โปรแกรมส่วนใหญ่เป็น Freeware หรือ Open source ครับ เท่าที่จะเป็นไปได้ เท่าที่สำรวจเครื่องตัวเองตอนนี้ (เครื่องหลักที่ใช้งานอยู่) มีเพียงโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษ ที่ติดตั้งเมื่อสัปดาห์ก่อนเท่านั้น ที่ละเมิลิขสิทธิ์ และผมกำลังจะลบออกวันนี้ รวมทั้งหาซื้อโปรแกรมของแท้ที่ขายตามท้องตลาด มาใช้แทนครับ (แต่คนละโปรแกรมกัน เพราะโปรแกรมที่มีตอนนี้เป็นของต่างประเทศครับ) ส่วนเรื่องของ เพลง ผมก็กำลังจะลบออกเช่นกัน (ส่วนใหญ่เป็นเพลงสากล ต่างประเทศ เพลงไทยมีแต่เพลงเก่า อายุ 5 ปีขึ้นไปทั้งนั้น) เรื่องหนังก็เช่นกัน กำลังจะลบออกตามกันไป ถ้าหมดตรงนี้ก็ไม่มีอะไรละเมิดแล้วครับ
ทั้งนี้ ต่อจากนี้ ผมก็จะไม่ Download เพิ่ม รวมทั้ง ระวังการ download มาด้วย ว่าเป็นการ ไปลักขโมยของใครมาหรือเปล่า เพื่อไม่ให้เป็นการกระทำผิดศีลอีกต่อไป
หลายคนอาจจะค้าน แล้วบอกว่า ก็ไม่ได้รวย จะทำให้ถูกต้องทั้งหมด ไม่ได้หรอก เพราะว่าต้องใช้เงินเยอะมากเลย สำหรับประเด็นนี้ ผมก็พูดตรงๆว่า ผมก็ไม่ได้ด้วย ครอบครัวผมเคยล้มมาตั้งแต่วิกฤติ ต้มยำกุ้งเมื่อสิบกว่าปีก่อนเช่นกันครับ จากนั้นมา กว่าจะตั้งตัวได็หลายปี ด้วยการประกอบ สัมมาอาชีพมาโดยตลอด ถ้าเราหาเงินได้น้อย เราก็ต้องสะสมไงครับ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งของที่ถูกต้อง ตามที่เราควรจะได้ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆแล้วเนี่ย เราก็ต้องลดกิเลสของเราเองครับ เมื่อเราลดความอยากได้ อยากมีลง เราก็จะทำผิดศีลน้อยลงด้วย เป็นเรื่องที่ผูกพัน กันไปครับ เราไม่ควรอ้างว่า เป็นของที่หาซื้อยาก หรือว่า ราคาแพง เลยไม่ซื้อ เพราะว่าถ้าทำผิดศีล ยังไงก็คือผิดครับ การหาข้ออ้างมาลบล้าง หรือเพื่อยกให้ดูดีขึ้นนั้น ไม่ได้ช่วยหักล้างการผิดศีลเลย เพราะว่าเป็นคนละเรื่องกัน ผิดก็คือผิดครับ เหมือน robinhood ที่ปล้นคนรวยช่วยคนจน นั่นก็ผิดศีล ในการลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ถึงทรัพย์ที่ได้จะไปช่วยคนจน แต่ก็ได้บุญน้อย เพราะว่าทรัพย์ที่ได้มานั้นไม่บริสุทธ์นั่นเองครับ
เชื่อผมครับ กรรมก็คือการกระทำ หากใครที่ยึดมั่นถือมั่นในการทำกรรมดีแล้ว ก็ย่อมได้รับแต่สิ่งที่ดีเช่นกันครับ