การเอาตัวรอดเมื่อน้ำท่วม

การเอาตัวรอดเมื่อน้ำท่วม

น้ำท่วมประเทศไทยคราวนี้ครั้งยิ่งใหญ่มาก มากจนผมกำลังคิดว่า น่าจะไม่มีใครช่วยเราได้ เราต้องช่วยเหลือตัวเองแล้วล่ะครับ เพราะว่าสายด่วนของภาครัฐ คู่สายเต็มตลอด หรือมีคนรับ แต่ก็เป็นการรับเพื่อส่งเรื่องต่อเท่านั้น น้อยหน่วยงานที่จะเข้ามาช่วยได้ในทันที อันนี้คือเรื่องจริงที่ต้องตระหนักแล้วนะครับ (คนรอบข้างโดนกับตัวมาผมถึงได้รู้) อีกอย่าง เมื่อทุกคนถูกท่วมกันหมดก็กลายเป็นผู้ประสบภัยกันหมด แล้วใครจะช่วยเรา?

ดังนั้น ผมต้องขอประกาศว่า เพื่อตัวท่านเอง ไม่ใช่เพื่อใคร ให้วางแผนเอาไว้ เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ให้ดี ผมเชื่อเหลือเกินว่าน้ำท่วมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด ในชีวิตคนส่วนใหญ่แน่ๆ โดยผมจะเล่าให้ฟังเท่าที่ความรู้ผมจะมี ว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้าง

สำหรับคนที่จะเฝ้าบ้าน ปักหลักฐานที่มั่นไม่ไปไหน คุณต้องเตรียมเอาชีวิตรอดอย่างน้อย 14 วันเลยนะครับ ภายใต้เงื่อนไข ไม่มีน้ำและไฟฟ้า ย้ำ โดยเงื่อนไขไม่มีน้ำและไฟฟ้า ดังนั้นถือว่าโหดมาก

  1. เตรียมใจ ยอมเสีย บางสิ่งที่ต้องเสีย เมื่อเจอน้ำท่วม และเตรียมใจว่าเราจะต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากเมื่อเผชิญหน้ากับน้ำท่วมแน่ๆ
  2. น้ำดื่ม เตรียมยังไงก็ได้ให้เพียงพอ สำหรับ 14 วัน และปรับปริมาณการกิน จากเดิมกินทีละแก้ว ให้กินบ่อยๆ ทีละอึก สักชั่่วโมงละครั้ง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ และต้องให้เหลือพอสำหรับ 14 วันหรือมากกว่า โดยแรกสุดคือ น้ำเปล่า ถ้าไม่มี น้ำอัดลม นมเปรี้ยว นมกล่อง หรืออะไรก็ได้ที่เป็นของเหลว หรือถ้าต้มน้ำได้ ก็ตักเอาน้ำท่วม มาทิ้งไว้ 1 คืนเพื่อให้ตกตะกอน(หากมีสารส้มก็แกว่งทิ้งไว้ 1 คืน) แล้วรินใส่ภาชนะเบาๆเพื่อแยกตะกอน แล้วเอามาต้มฆ่าเชื้อโรคกินได้ เพราะว่าน้ำประปาที่เราใช้ทุกวันนี้ก็ใช้น้ำคลอง ผ่านกระบวนการแกว่งสารส้มมาเหมือนกัน(แต่จริงๆยังมีกระบวนการอื่นด้วย)
  3. น้ำใช้ ต้องใช้อย่างประหยัดมากๆ เพราะว่าถ้าโดนตัดน้ำนาน 14 วันเราต้องงดกิจกรรมหลายอย่าง เช่น อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เพราะว่าน้ำที่สำรองเอาไว้ใช้ สุดท้ายเอามาดื่มได้ แล้วเราค่อยตักน้ำท่วม มาแกว่งสารส้ม 1 คืนเพื่อใช้อาบเอา หรือเปลี่ยนเป็นการเช็ดตัวแทน หรือ 2-3 วันอาบน้ำทีนึง ร่างกายคนเราทนได้ เพราะว่าวันๆเราก็นอนอย่างเดียวไม่สกปรกมาก(เดี๋ยวพูดเรื่องนี้อีกที) และการอาบ ต้องอาบอย่างประหยัดที่สุด เพราะว่าการอาบน้ำแต่ละครั้ง ใช้น้ำอย่างน้อย 1 ถังสังฆทานสีเหลืองอย่างแน่นอน(แบบประหยัดสุดๆอ่ะนะ) ให้คำนวนน้ำที่เหลือให้ดี เนื่องจากน้ำดื่มหมด เรายังเอาน้ำใช้ที่สำรองเอาไว้มากินได้ อาจจะถ่ายเบาทั้งวันแล้ว วันนึงราดน้ำครั้งเดียวพอ
  4. อาหาร ร่างกายคนเราขาดอาหารได้ระยะเวลานึงโดยไม่ตาย แต่ขาดน้ำไม่ได้ ดังนั้น อาหาร อะไรก็ได้ เท่าที่จะเตรียมไว้กินได้ ข้าว เส้นหมี่ หรือกระทั่ง แป้ง(ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ฯลฯ) น้ำตาล ก็ยังได้ ถึงเวลาก็ละลายน้ำแล้วกินเพื่อเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย(คาร์โบไฮเดรต) ถั่วหลายอย่าง(ถั่วแดงถั่วดำ ลูกเดือย ฯลฯ) ถ้าไม่มีไฟต้มน้ำ ก็แช่น้ำ 1 คืนก็ได้ก็พอจะกินได้(โปรตีน) เรียกได้ว่า อะไรที่แห้งๆ สามารถแช่น้ำแล้วกินได้ ก็เก็บไว้ได้เลย หรืออาหารกระป๋องก็ได้หมด พยายามดูเรื่อง วิตามินต่างๆด้วย เติมเกลือ หรือน้ำปลา กะปิ นิดนึง ก็จะช่วยได้ แต่อย่าเยอะ เพราะว่าจะทำให้ร่างกายต้องการน้ำเพิ่มขึ้นอีก
  5. เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยลง ก็คือนอน เท่าที่จะนอนได้ ขยับร่างกายให้น้อยที่สุด
  6. เตรียมแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองให้เพียงพอ และใช้อย่างประหยัด เช่น โทรศัพท์มือถือ อาจจะนัดกับผู้ที่อยู่ภายนอก ว่าเราจะติดต่อกันวันละสองครั้ง หรือครั้งเดียว เวลาไหน อย่างไร นอกนั้นก็ปิดเครื่องเอาไว้ตลอด
  7. แอลกฮอลล์ล้างแผล และยาอื่นๆติดตัวเอาไว้
  8. เทียน ไฟแช็คไม้ขีด  หรือว่า ถัง กับเศษไม้แห้งๆ(การก่อไฟในบ้านต้องระวังไฟใหม้บ้านในตอนน้ำท่วม เพราะรถดับเพลิงมาดับไม่ได้แน่ๆ)
  9. ให้ดับไฟทันทีเมื่อน้ำท่วม หรือบ้านใครแยกชั้นแยกส่วนก็ปิดตามนั้น

เท่านี้ ลองประเมินคร่าวๆไว้เลย ว่าวันนึงจะต้องใช้อะไร มากน้อยแค่ไหน และคูณ 14 วันเข้าไป เพื่อให้อยู่ได้ แต่ว่าการเอาตัวรอดแบบนี้ ไม่แนะนำให้อยู่หลายคน เพราะว่าจะแย่งกันใช้ทรัพยากรเป็นอย่างมาก และต้องสำรองมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ซึ่งคนทั่วไปไม่น่าจะสำรองได้มากขนาดนั้น ทั้งนี้ย้ำอีกที ว่าต้องช่วยเหลือตัวเอง และอยู่แบบไม่มีน้ำไฟ สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือของแห้งต่างๆ ถ้าจะกินต้องบริหารน้ำให้ดี เพราะว่าอาหารจำพวกนี้จะใช้น้ำในกระบวนการเป็นจำนวนมาก โดยการเอาตัวรอดแบบนี้ ยังถือว่าง่ายมาก เมื่อเทียบกับทหารที่ต้องออกสมรภูมิรบ ที่ห่างจากแนวหลังมากๆ อันนั้นโหดกว่านี้อีกหลายเท่า แต่ก็ถือว่ายากสำหรับคนที่เคยสบายมาโดยตลอด

และพยายามสำรวจร่างกายเสมอๆ ว่าตอนนี้ขาดน้ำหรืออาหารระดับไหนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่ากินอิ่มตลอด ต้องรักษาให้หิวเรื่อยๆ แต่ไม่มาก เวลากินก็ต้องกินอย่างช้าๆ และอย่ากินเยอะ (จะช่วยให้อิ่มได้) แรกๆจะปรับตัวยาก แต่ไม่เกิน 3 วันร่างกายจะคงที่เอง(เป็นความมหัศจรรย์ของร่างกายครับ)

แต่.... ถ้าอ่านมาแล้ว มั่นใจว่าทำไม่ได้แน่ๆ ไม่เคยต้องเจอ หรือว่ารับความลำบากขนาดนี้ไม่ได้ บอกได้คำเดียวว่า กดเงินสดติดตัวไว้ และกระจายไว้หลายๆที่อย่าไว้ในกระเป๋าอย่างเดียว แล้วหนีเลยครับ รู้ว่าน้ำเริ่มท่วมก็หนีเลย หรือกำหนดเส้นตายเอาไว้ ว่าสูงแค่ไหนแล้วจะหนี ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าแถวนั้นเดินทางสะดวกมากน้อยแค่ไหน หากเดินทางสะดวกมากติดถนนใหญ่ที่มีรถวิ่งได้อยู่ อาจจะถึงเอวก่อนแล้วหนีก็ได้ แต่หากต้องเดินทางไกล และคิดว่าออกจากพื้นที่ลำบากแล้วล่ะก็ให้หนีไปตั้งแต่หัวเข่าได้เลย ตอนนี้ไม่มีอะไรคุ้มค่าเท่ารักษาเอาตัวรอดแล้ว เงินทอง ของมีค่า เรายังไม่ตาย มีความรู้ในหัว เราหาใหม่ได้ อย่าให้เป็นเหมือน "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" (เพราะน้ำท่วมหัว) ที่ให้หนี ก็เป็นเพราะว่าเมื่อน้ำ เกินกว่า 1 เมตร ความช่วยเหลือต่างๆจะเข้ามาได้ยากแล้ว ยิ่งถ้าเกินกว่า 1.5 เมตรแล้วล่ะก็ บอกได้คำเดียว จะหนี ก็ไม่ทันแล้ว ยิ่งไม่ได้เตรียมของเอาไว้เพราะว่าประมาทอีกล่ะก็ โอกาสไม่รอดมีสูงมากครับ อย่าลืมเอาของ และเอกสารที่สำคัญติดตัวไปด้วย ใส่กระเป๋าคาดเอวเอาไว้เลย

หนีไปที่ไหน? ถ้าเป็นผู้ที่พอจะมีทรัพย์ให้หนีลงทางสถานที่พักผ่อนที่ต่างๆ เช่น ชลบุรี พัทยา เกาะล้าน กระบี่ หรือลงไปทางใต้ครับ เพราะว่าตอนนี้เริ่มขึนเหนือลำบากแล้ว(แต่ยังพอไปได้ถ้าคิดจะไปตอนนี้) โดยควรสำรวจก่อน ว่าปลายทางที่จะไป ท่วม หรือมีโอกาสท่วมหรือไม่ ไม่งั้นกลายเป็นหนีเสือปะจระเข้กันอีก หรือว่าบ้านญาติ ก็ได้ แต่ถ้าทรัพย์ไม่มาก ให้ฟังประกาศจากรัฐบาลว่ามีที่ไหนที่เป็นศูนย์พักพิง ก็ไปตามนั้น แต่ไม่แน่ใจว่าต้องย้าย ถ้ามีน้ำเข้าประชิดหรือเปล่า

ทั้งนี้ให้วางแผนให้เรียบร้อยตั้งแต่ตอนนี้เลยนะครับ แต่ถ้าคิดจะย้ายบ้านทั้งหลังก็ไม่ทันซะแล้วล่ะครับ เวลานี้ อีกอย่างคือ ต้องมีแผนสำรองด้วยนะครับ สำคัญมาก ทุกอย่างมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเสมอดังนั้นแผนสำรองเป็นสิ่งที่จำเป็นครับ

ระหว่างที่ว่างๆนี้ คุณเติมเงินและชาร์ทโทรศัพท์มือถือเต็มหรือยัง? มี battery สำรองหรือไม่? ถ้ายัง ก็ดำเนินการให้เรียบร้อยครับ

หลายคนอ่านจบแล้ว อาจจะสงสัยว่า ทำไมต้อง 14 วัน เพราะว่า 14วัน น่าจะนานพอที่จะเริ่มมีหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือคนที่ติดอยู่หรือว่า ชาวบ้านที่อยู่กันได้ก็น่าจะเริ่มพายเรือกันไปไหนมาไหนได้แล้ว และเป็นเวลามากพอที่ทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำ หรือการคมนาคม การสื่อสารและอื่นๆ เป็นไปในแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว และเราก็มีเวลามากพอที่จะวางแผนเพื่อดำเนินการอะไรในขั้นตอนต่อไปได้แล้ว

ถ้า 14 วันแล้วน้ำยังไม่ลดล่ะ? ถึงวันนั้น คุณควรจะกินทุกอย่างให้หมดเติมพลังให้เต็มที่ พร้อม โฟม ขวดน้ำที่มัดรวมกัน หรืออะไรก็ได้ที่ลอยน้ำได้นานๆโดยไม่ทำให้เราจม แล้วหนีออกมาได้แล้วครับ นั่นคือแผนสำรองสุดท้ายครับอย่าทนจนตายคาบ้าน เพราะว่า 14 วันน้ำยังไม่ลด และไม่มีใครช่วยเหลือ ปล่อยให้ที่เราอยู่เป็นเมืองร้างไปแล้วขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ได้นั้น ก็คงไม่มีใครอยู่อาศัยได้แล้วล่ะครับ เราก็ต้องหนีบ้างเหมือนกันแล้ว โดยต้องไม่ลืมเตรียมของเหล่านี้ไว้ก่อนท่วม หรือว่าจะไปหาเก็บตอนที่ท่วมก็ได้ไม่ว่ากัน

* update เพิ่มสำหรับคนที่กำลังคิดว่า สำรองน้ำแล้ว สำรองอาหารแล้ว แล้วไฟฟ้าล่ะ? เราสามารถสำรองได้นะครับ โดยต้องเตรียมของดังต่อไปนี้

 

  1. battery รถยนต์ ถ้าเป็นไปได้ให้ร้าน charge ให้เต็มเลย(ราคาหลักพัน ขึ้นอยู่กับความจุ ว่ากี่แอมป์ ยิ่งเยอะ ยิ่งแพง)
  2. Power converter 12 Volt DC เป็น 220 Volt AC (มันมีหลายแบบ ราคา 400++) 
  3. เครื่อง charge battery รถยนต์ (ราคา 400++) 

โดยเราจะใช้ battery รถยนต์เป็นแหล่งพลังงานสำรองให้กับเรา โดยเราจะใช้ power converter จาก battery รถ มาเป็นไฟบ้าน แล้วเอาปลั๊กเสียบได้เลย ทั้งนี้ มีข้อพิจารณาอยู่ก็คือว่าต้องการเอามาใช้กับอะไร ในยามนี้ผมแนะนำแค่ใช้กับมือถือหรือ notebook ก็พอ อย่าเยอะกว่านั้น เพราะว่าตัว power converter มันมีกำลังไฟน้อย ใช้เยอะมันอาจจะพังได้ โดยหากใช้แค่ notebook, มือถือก็เลือก converter แบบ 150 Watt ก็น่าจะพอครับ แต่อย่างที่บอกว่าเอาไว้สำรองเท่านั้น ไม่ได้เอามาใช้จริงจังเพราะว่ามันใช้ได้ไม่นานหรอกครับ(ยิ่งใช้เยอะยิ่งหมดเร็ว) ส่วนเจ้าเครื่อง charge battery รถยนต์ เอาไว้ใช้ในกรณีที่จ่ายไฟฟ้ามาแล้วและอาจจะดับอีก เราก็เอามา charge  battery เราได้ (จะไม่ซื้อก็ได้ครับ ถ้าคิดว่าจะใช้รอบเดียวพอ)

Create: Modify : 2011-10-22 15:14:49 Read : 13138 URL :